ยารักษาโรค ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิต เพราะเวลาที่เราเจ็บป่วย ไม่สบาย หรือจำเป็นต้องทานยาเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงในร่างกาย แต่ทุกคนรู้ไหมว่าการทานยาห้ามกินคู่กับสิ่งใดบ้าง เพราะเมื่อกินแล้วอาจทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกาย หรือเป็นของแสลงกัน ทั้งนี้จะมีอาหารอะไรบ้าง หรือสารอาหารประเภทไหนบ้าง เราไปดูกันเลย
รวม สิ่งที่ห้ามทานคู่กับยา
1.ผักใบเขียวที่มีวิตามินเคสูง
โดยผักที่มีวิตามินเคสูงจะเป็นพวกผัก บรอกโคลี ผักโขม หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำปลี ซึ่งถ้าเราไม่ต้องทานยาเราก็สามารถทานผักเหล่านี้ในปริมาณที่เหมาะสมได้ แต่ถ้าช่วงนั้นคุณทานยาต้านการแข็งตัวของเลือ วาร์ฟาริน (warfarin) ก็ไม่ควรทานผักใบเขียวที่มีวิตามินเคสูงมากเกิน เพราะจะทำให้มีผลต่อระดับความแข็งตัวของเลือด
2.ผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง
ซึ่งผลไม้ที่มีสารโพแทสเซียมสูงอย่างเช่น กล้วย ส้ม ซึ่งจะมีแร่ธาตุที่มีผลต่อยาขับปัสสาวะ เพราะเมื่อไหร่ที่ร่างกายของเรามีโพแทสเซียมในเลือดสูงมาก จะทำให้เป็นพิษจากยาที่ออกฤทธิ์ต่อหัวใจได้ และอาจทำให้เกิดภาวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ เช่น ไดออกซิน (digoxin)
3.อาหารจำพวกยีสต์หมัก
อาหารที่มีส่วนผสมของยีสต์หมักอย่างเช่น เบียร์ ไวน์ อาหารแปรรูปเช่นไส้กรอก หรือถั่วปากอ้า ช็อกโกแลต ที่มีส่วนประของสารไทรามีน ซึ่งจะส่งผลผู้ที่ทายาต้านโรคซึมเศร้าบางชนิดในกลุ่ม MAOIs เช่น เซเลจิลีน (selegiline) ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้สารไทรามีมสะสมในร่างกายมากกว่าปกติ จนทำให้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ทำให้ความดันโลหิตสูงจนเป็นอันตรายได้
4.ขนมหรือลูกอมที่มีส่วนผสมของชะเอมเทศ
ชะเอมเทศ หากทานเป็นจำนวนมากและเป็นการทานที่ต่อเนื่อง จะทำให้เกิดการคั่งสะสมของเกลือและน้ำ ทำให้ตัวบวม ยิ่งถ้าช่วงนั้นคุณทานยาประเภทยาลดความดันโลหิต ก็ยังออกฤทธิ์ขัดแย้งกัน ส่งผลทำให้ยาลดความดันออกฤทธิ์ไม่เต็มที่ หรือเรียกว่าทานยาแล้วเสียเปล่าได้เลย
5.เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
ไม่ว่าจะเป็น เบียร์ เหล้า ไวน์ หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เมื่อกินพร้อมกับยาฆ่าเชื้อ เมโทรนิดาโซล (metronidazole) ยาต้านเชื้อรา กริซีโอฟูลวิน (griseofulvin) หรือยารักษาเบาหวาน ไกลบูไรด์ (glyburide) อาจทำให้เกิดอาการคล้ายคนเมาค้าง มีอาการตัวแดง ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน หรืออาจถึงขั้นแน่นหน้าอกได้ นอกจากนี้ยานอนหลับเองก็ไม่ควรทานคู่กับเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะอาจส่งผลอันตรายต่อระบบประสาท จนทำให้เกิดอาการหยุดหายใจ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้